เขียนโดย orbix • หมวดหมู่ คริปโท 101 • 22 ธ.ค. 2566 • เวลาอ่าน 2 นาที
RSI มาจากคำว่า Relative Strength Index คือ อินดิเคเตอร์ตัวชี้วัดความแข็งแรงของตลาดในแต่ละช่วงเวลา โดยใช้เปรียบเทียบระหว่างการเพิ่มขึ้นของราคาและการลดลงของราคาซึ่งจะนิยมตั้งค่ากันที่ 14 (14 แท่งก่อนหน้า) ใน RSI นั้นมีค่าการวัดจากระดับ 0-100 เพื่อใช้เป็นตัวช่วยในการเปรียบเทียบความแข็งแรงของตลาดในแต่ละช่วงเวลา และช่วยในการหาจังหวะเข้าซื้อหรือขายในตลาด
โพสต์นี้จะมาอธิบายลักษณะและทริกการใช้ RSI ในรูปแบบต่าง ๆ สามารถดูเพิ่มเติมในภาพได้เลย
ภาพประกอบ: Trading View
อย่างที่ได้บอกไปข้างต้นว่าใน RSI นั้นมีค่าการวัดจากระดับ 0-100 เพื่อใช้เป็นตัวช่วยในการเปรียบเทียบความแข็งแรงของตลาดในแต่ละช่วงเวลา และช่วยในการหาจังหวะเข้าซื้อหรือขายในตลาด
หากกรณีที่ RSI มีค่ามากกว่าระดับ 70 จะเรียกว่าภาวะ “ซื้อมากเกินไป” (Overbought) และหาก RSI มีค่าต่ำกว่าระดับ 30 จะเรียกว่าภาวะ “ขายมากเกินไป”(Oversold)
ลักษณะตามภาพประกอบ
สำหรับทริกการใช้ Overbought / Oversold ให้มีประสิทธิภาพ แนะนำให้ใส่เกณฑ์ 80 20 เพิ่มหรือ 90 10 ด้วยเพื่อให้ได้ Position ที่ดีขึ้น เพราะใน Timeframe เล็ก เมื่อราคาหลุดจาก Sideway และเกิด Trend ค่าของ RSI มักจะวิ่งเกิน 70 30 เสมอ ส่วน Timeframe ใหญ่ เช่น 1 วัน ขึ้นไป ใช้เกณฑ์ 70 30 ก็เพียงพอแล้ว
ลักษณะตามภาพประกอบ
ทริกเทรดด้วย Divergence หรือก็คือการที่ราคากับอินดิเคเตอร์ ขัดแย้งไม่สอดคล้องกัน ซึ่งจะเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าราคามีโอกาสที่จะเปลี่ยนทิศทางได้ในเร็ว ๆ นี้
โดยแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ Bullish Divergence และ Bearish Divergence
สำหรับ Bullish Divergence คือรูปแบบสัญญาณที่บ่งบอกว่าราคากำลังจะกลับตัวขึ้นหรือเกิดการยกตัว
ลักษณะตามภาพประกอบ
และ Bearish Divergence คือรูปแบบสัญญาณที่บ่งบอกว่าราคากำลังจะกลับตัวลงหรือเกิดการย่อตัว
ลักษณะตามภาพประกอบ
บทความถัดไป
Content Writer
Scam Alert! orbix เตือนภัย
ช่องทางแอปพลิเคชันและอีเมลเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่เหล่าอาชญากรออนไลน์มักใช้ในการหลอกลวงเพื่อล้วงข้อมูลส่วนตัวของคุณ
orbix
20 ธ.ค. 2566
4 นาที