เขียนโดย Digital Trader • หมวดหมู่ คริปโท 101 • 10 มี.ค. 2564 • เวลาอ่าน 3 นาที
Smart Contract ถูกนิยามขึ้นครั้งแรกในปี 1996 โดย Nick Szabo โปรแกรมเมอร์ชาวสหรัฐว่า
“Smart contracts are digital protocols for information transfer that use mathematical algorithms to automatically execute a transaction once the established conditions are met and that fully control the process”
หรืออาจกล่าวสั้นๆ ได้ว่า Smart Contract คือ ชุดของสัญญาในรูปแบบดิจิทัลรวมถึงโปรโตคอลที่ทั้งสองฝ่ายปฏิบัติตามสัญญาเหล่านี้ แต่น่าเสียดายที่ตอนนั้นยังไม่มีเทคโนโลยี Blockchain มาช่วยให้ Smart Contract เกิดขึ้นจริง
แล้ว Smart Contract ทำงานอย่างไร?
อย่างที่เรารู้กันว่า Smart Contract คือ โปรโตคอล หรือโค้ดคอมพิวเตอร์ที่ระบุรายละเอียดสัญญาระหว่างทั้งสองฝ่ายที่ต้องการทำธุรกรรมกันลงในเครือข่าย Blockchain ซึ่งจะเป็นในลักษณะของ if-else เช่น B มีหูฟังและต้องการที่จะขายมันที่ราคา X บาท ฝ่าย A ที่ต้องการจะซื้อ ต้องโอนเงินจำนวน X บาทให้ เพื่อซื้อหูฟังจาก B เมื่อเงื่อนไขครบถ้วน Smart Contract จะทำธุรกรรม (Transaction) ให้ และแลกเปลี่ยนเงินกับหูฟังโดยอัตโนมัติ
Contract จะถูกเก็บ และจำลอง Contract อีกชุดกระจายไว้ใน Decentralized Ledger (การกระจายข้อมูลให้ทุกคนในเครือข่าย และทุกคนในเครือข่ายจะถือข้อมูลที่เหมือนกันทั้งหมด โดยไม่จำเป็นต้องมีคนกลางในการเก็บข้อมูล) เทคโนโลยี Blockchain จึงตอบโจทย์นี้ที่สุด วิธีนี้จะทำให้ไม่สามารถปลอมแปลงหรือลบ Contract ได้ รวมกับการใช้ Data Encrypt ก็จะไม่รู้เลยว่าคู่สัญญาที่ทำธุรกรรมด้วยคือใคร
หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือทั้งสองฝ่ายไม่สามารถทำตามเงื่อนไขได้ เช่น A มีเงินไม่เพียงพอ หรือ B ไม่ได้เป็นเจ้าของหูฟัง ธุรกรรมก็จะไม่เกิดขึ้น จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไม Smart Contract ต้องอาศัยเทคโนโลยี Blockchain ในการตรวจสอบเงื่อนไขของสัญญาเหล่านั้น
หลังจากที่เราเข้าใจว่า Smart Contract คืออะไร มาดูข้อดีบ้างดีกว่า
ระบบการตรวจสอบเอกสารในการทำสัญญาต่างๆ มักใช้เวลานาน ธุรกรรมจึงเป็นไปอย่างล่าช้า แถมยังมีเวลาเปิด-ปิดอีกด้วย แต่ Smart Contract ใช้เวลาไม่นาน ทำงานได้อัตโนมัติ และไม่ต้องคอยตามเอกสารต่างๆ ให้วุ่นวาย
ไม่ต้องเสียค่าเดินทาง ไม่ต้องเสียค่าคนกลางที่จะมายืนยันธุรกรรม ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมการดำเนินการทำ Smart Contract
มีการกระจายข้อมูลให้ทุกคนได้เห็นและเข้าถึง อีกทั้งข้อมูลที่ป้อนใน Blockchain ไม่สามารถเปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือทำลายได้ หากคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งไม่ปฏิบัติตามภาระผูกพัน อีกฝ่ายหนึ่งจะได้รับการคุ้มครองตามเงื่อนไขของ Smart Contract คือ ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถโกง หรือไม่จ่ายได้ อีกกรณีคือ หากข้อมูลที่นาย C เอามายืนยันนั้นไม่ตรงกับข้อมูลที่ผู้อื่นมี และเห็นร่วมกันว่านาย C เจตนาโกง ดังนั้นโอกาสในการโกงจึงเป็นศูนย์
จะเห็นได้ว่า Smart Contract คือ นวัตกรรมที่มีความสำคัญอย่างมาก และยังสามารถนำมาปรับใช้ในชีวิตจริงได้อย่างลงตัวอีกด้วย เพราะมันทำให้ผู้ใช้งาน สะดวก และปลอดภัย ซึ่งความปลอดภัยเป็นหนึ่งในปัญหาใหญ่ของวงการธุรกิจ แต่ Smart Contract สามารถแก้ไขมันได้แล้วเป็นที่เรียบร้อย
ผู้เขียน
รู้จักกับการลงทุน Bitcoin
ปัจจุบันเราจะเห็นคนเริ่มเข้ามาลงทุนใน Bitcoin หรือ Cryptocurrency อื่นๆ กันเป็นจำนวนมาก มีทั้งที่ได้กำไรและขาดทุน แต่คนเหล่านั้นรู้จักการลงทุนใน Bitcoin และ Cryptocurrency ดีแค่ไหนกัน? Bitcoin นั้นมีที่มายังไงและทำไม Bitcoin ถึงมา Disrupt โลกของการเงินได้ เราจะมาไขข้อสงสัยนั้นกัน
ดิจิตอล เทรดเดอร์
20 ธ.ค. 2566
3 นาที