เขียนโดย Digital Trader • หมวดหมู่ คู่มือการเทรด • 26 ก.ค. 2564 • เวลาอ่าน 3 นาที
นักลงทุนในตลาด Cryptocurrency จำเป็นที่จะต้องตระหนักไว้เบื้องต้นเลยว่าความผันผวนของราคานั้นสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ซึ่งนักลงทุนมือใหม่หลายท่านที่เข้ามาในตลาดได้ไม่นานอาจต้องตกใจกับการเหวี่ยงของราคาที่รุนแรงในระยะเวลาอันสั้นจนเป็นเหตุให้ขาดทุนกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งในบทความนี้จะทำให้นักลงทุนทั้งมือใหม่ และนักลงทุนที่อยู่ในตลาดมานานได้ทำความรู้จักกับกลยุทธ์การลงทุนเมื่อตลาดผันผวน
กลยุทธ์การลงทุนแบบแบ่งสัดส่วนพอร์ตให้ชัดเจน
นักลงทุนที่เข้ามาในตลาดเป็นเวลานาน หรือมีประสบการณ์ในตลาดอื่นๆ มาบ้างมักจะแบ่งสัดส่วนของ Cryptocurrency ที่ต้องการถืออย่างชัดเจน กลยุทธ์การลงทุนนี้นักลงทุนจะต้องทำก่อนที่จะทำการเข้าซื้อ Cryptocurrency โดยคำนวณเปอร์เซ็นต์จำนวนเหรียญที่จะถือเอาไว้ ซึ่งจะประเมินจากความผันผวนของเหรียญที่รับได้แล้วจึงทำการเข้าซื้อ รวมทั้งตั้งเป้าหมายการทำกำไรหรือการตัดขาดทุนเอาไว้ล่วงหน้า โดยเมื่อราคาของเหรียญถึงตามเป้าหมาย และได้กำไรตามที่ได้ตั้งไว้จะทำการเก็บกำไรเพื่อให้เป็นไปตามแผนที่วางเอาไว้อย่างชัดเจน
กลยุทธ์การลงทุนเฉลี่ยราคาซื้อหรือแบ่งไม้ซื้อ
การแบ่งไม้เข้าซื้อเป็นกลยุทธ์การลงทุนที่ดีกว่าการซื้อครั้งเดียวทั้งหมด เนื่องจากนักลงทุนในตลาดไม่สามารถรู้อนาคตได้ว่าในช่วงเวลาต่อไปราคา Cryptocurrency ที่ซื้อนั้นจะขึ้นหรือลง หากราคาปรับตัวสูงขึ้นก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่หากราคาปรับตัวลดลงนักลงทุนที่ซื้อไม้ใหญ่ไม้เดียวจะทำได้แค่ภาวนาให้ราคากลับขึ้นไป ดังนั้นการเฉลี่ยหรือแบ่งไม้ซื้อนั้นเป็นสิ่งที่ควรปฏิบัติ
การแบ่งไม้ซื้อทำให้ราคาที่เราซื้อนั้นเฉลี่ยถูกลง ยกตัวอย่างเช่น นักลงทุนรายหนึ่งมีเงินอยู่จำนวน 200 บาท ซื้อ Cryptocurrency ที่ราคาเหรียญละ 10 บาท จำนวน 10 เหรียญนับว่าเป็นมูลค่า 100 บาท ซึ่งเมื่อราคาลดลงเหลือเหรียญละ 5 บาท จึงทำการเข้าซื้ออีกจำนวน 100 บาทจะทำให้นักลงทุนมีจำนวน Cryptocurrency ที่ถืออยู่จำนวน 30 เหรียญ (รวมกับของเดิม) เมื่อราคาเกิดการปรับตัวสูงขึ้นไปที่ 6.67 บาท จะทำให้มูลค่าพอร์ตการลงทุนนั้นเทียบเท่ากับ 200 บาทแล้ว หรือหากราคากลับขึ้นไปที่ 10 บาท จากที่เดิมจะเป็นเพียงแค่การเท่าทุน กลยุทธ์การลงทุนนี้จะทำให้นักลงทุนพลิกมาเป็นได้กำไรแทน
กลยุทธ์การลงทุนแบบปรับตามความผันผวน
นักลงทุนทุกคนล้วนต้องการกำไรซึ่งจะมี 2 ทางเลือกคือกำไรในระยะเวลาสั้นแต่มันก็มาพร้อมความเสี่ยงสูง หรือทำกำไรในระยะยาวกับความเสี่ยงที่เจออาจจะต่ำลง ซึ่งแท้ที่จริงแล้วนักลงทุนสามารถปรับทั้ง 2 รูปแบบให้เป็นกลยุทธ์การลงทุนเพื่อจัดการกับพอร์ตของตนเองได้ นักลงทุนสามารถคาดการณ์ความเสี่ยง และผลตอบแทนของ Cryptocurrency ได้จากผลตอบแทนย้อนหลัง ซึ่งเมื่อทำการคำนวณแล้วจึงนำผลการคำนวณนั้นมาจัดการสร้างพอร์ตผสมระหว่าง Cryptocurrency ที่ให้ผลตอบแทนในระยะสั้น และผลตอบแทนในระยะยาวตามสัดส่วนความเสี่ยงที่รับได้ โดยปรับสัดส่วนของน้ำหนักไปเรื่อยๆ ตามความต้องการ และความผันผวนของ Cryptocurrency ในช่วงนั้นๆ แม้จะทำให้ในระยะสั้นภาพรวมของพอร์ตอาจจะดูไม่ดีนัก แต่ในระยะยาวกลยุทธ์การลงทุนนี้จะเป็นการลงทุนที่ยั่งยืนกว่าการซื้อ และขายในระยะเวลาสั้นๆ
การปรับกลยุทธ์การลงทุนตามพื้นฐานของนักลงทุน
ตลาด Cryptocurrency มีความผันผวนค่อนข้างสูง ซึ่งกลยุทธ์การลงทุนรูปแบบต่างๆ นั้นขึ้นอยู่กับตัวผู้ลงทุนเอง ทั้งในแง่ของเงินทุน และความเสี่ยงที่สามารถรับได้พร้อมทั้งความพอใจในกำไรที่ได้ในแต่ละครั้ง โดยการที่มีกลยุทธ์การลงทุนที่ดี และเหมาะกับตัวผู้ลงทุนเองนั้นจะทำให้สามารถอยู่ในตลาด และทำกำไรได้อย่างยั่งยืน
บทความถัดไป
ผู้เขียน