รู้มั้ยว่ากราฟก็มีชีวิต?

By orbix • Publish in Trading Guide • Aug 24,2022 • 2 min read

รู้มั้ยว่ากราฟก็มีชีวิต ?

Elliott Wave เป็นทฤษฎีที่เปรียบเทียบกราฟเป็นวัฎจักร

โดยจะมีลักษณะเป็นลูกคลื่น ซึ่งพฤติกรรมนี้มีผลมาจากนิสัยของคนในตลาดที่ทำการเทรดเป็นกิจวัตรซ้ำๆ ทำให้เกิดเป็น Pattern จนสามารถนำมาคำนวนเป็นสูตรของ Elliott Wave ได้

ถ้ายกตัวอย่างทฤษฎีที่คล้ายกันก็จะมีทฤษฎี Product Life Cycle ที่บอกว่าสินค้าแต่ละอย่างนั้นจะมีอายุและวัฎจักรของมันอยู่

ยกตัวอย่างเช่น รถยนต์ โทรศัพท์มือถือ หรือสิ่งของต่างๆ ที่เราซื้อมา ก็จะมีช่วงกระแสแรกๆ ที่ทุกคนให้ความสนใจกัน ไปจนถึงช่วงที่ทุกคนคุ้นชินและอิ่มตัวกับสินค้า หลังจากนั้นคนก็จะเริ่มหมดความสนใจ และสินค้าก็จะค่อยๆ เก่าลงเรื่อยๆ ต่อจากนั้นก็จะมีการออกสินค้ามาใหม่เพื่อให้เราซื้อ และเกิดเป็นวัฎจักรไปเรื่อยๆ

โดยวัฎจักรนี้จะมีการแบ่งโซนออกเป็นช่วงระยะเวลา 4 ช่วง คือ

  1. ช่วงแนะนำ (Introduction)
  2. ช่วงเติบโต (Growth)
  3. ช่วงอิ่มตัว (Maturity)
  4. ช่วงถดถอย (Decline)

————————————————————————————————————————————————————————————————

1-2-3-4-5 // A-B-C คืออะไร? ทำไมคนถึงต้องนับกันแบบนี้

Elliott Wave จะมีคลื่นอยู่ทั้งหมด 2 ประเภท

  1. Motive Wave คือคลื่นตามแนวโน้ม ซึ่งจะมีคลื่นย่อยอยู่ 5ตัว (1-2-3-4-5)
  2. Corrective Wave คือคลื่นสวนแนวโน้มหลัก ซึ่งจะมีคลื่นย่อย 3 ตัว (A-B-C)

“ความหมายและนิสัยของ 1-2-3-4-5 // A-B-C”

WAVE 1

คือ จุดที่กราฟเกิดจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่คิดว่าราคาลงมาถึงจุดที่ต่ำที่สุดแล้ว ราคาก็จะเด้งขึ้นไป แต่เมื่อถึงจุดที่ราคาทำ New high ใหม่แล้ว นักลงทุนกลุ่มนี้ก็จะเทขายเพื่อเก็งกำไร

WAVE 2 

คือ จุดที่กราฟเกิดราคาย่อต่ำลงมาจาก Wave 1 และหลังจากนั้นกราฟก็สามารถทำให้เกิด Higher High จาก Wave 1 ได้ ทำให้เกิดเป็นคลื่นใน WAVE 3 ต่อมา

WAVE 3 

หลังจากกราฟทำ Higher High ให้สูงกว่า WAVE 1 เรียบร้อยแล้ว ก็จะมีแรงขายเพื่อเก็งกำไรจากการซื้อใน WAVE 2 จากนั้นกราฟก็จะตกลงมาสู่ WAVE 4

WAVE 4 

จะมีสมมติฐานว่า เป็น WAVE ที่นักลงทุนมีอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้องมากที่สุด เช่น การกลัวตกรถ FOMO และข่าวสารข้อมูลต่างๆ จะหลั่งไหลเข้ามามากที่สุดในช่วงนี้ ทำให้เกิดแรงซื้อจนสามารถทำ Higher High เหนือ WAVE 3 ได้ และกลายมาเป็น WAVE 5

WAVE 5

จะเป็นการทำราคาสูงสุดของ Cycle หลังจากนั้นราคาก็จะวิ่งสวนทางกับเทรนด์ขณะนั้น และทำการปรับฐานของราคา หรือเรียกได้ว่าเป็นการทำ Corrective Wave (A-B-C) นั่นเอง

————————————————————————————————————————————————————————————————

กฎของ Elliot Wave หลักๆ นั้นมีอยู่ 3 ข้อ

ข้อที่ 1 : Wave 2 ห้ามต่ำกว่าจุดเริ่มต้นของ WAVE 1

ข้อที่ 2 : Wave 4 ห้ามต่ำกว่าจุดสูงสุดของ WAVE 1

ข้อที่ 3 : Wave 3 ต้องไม่ใช่ Wave ที่สั้นที่สุด

หากใครอ่านมาถึงตรงนี้แล้ว เก่งมาก!!! สตางค์ขอปรบมือรัวๆ ให้! ถือว่าในวันนี้เราก็ได้เรียนรู้เกี่ยวกับทฤษฎี Elliot Wave กันไปคร่าวๆ แล้ว

Next article

orbix

Content Writer