By orbix • Publish in Crypto 101 • Feb 16,2024 • 4 min read
Next article
Content Writer
ในการเทรดสกุลเงินดิจิทัลหรือคริปโตนั้น เทรดเดอร์เเต่ละคนก็จะมีเทคนิคในการหาจุดซื้อ-ขายที่เเตกต่างกันไป โดยการวิเคราะห์ทางเทคนิคเทรดเดอร์มักเลือกที่จะใช้ Indicator เป็นเครื่องมือช่วยทุ่นเเรงในการหาจุดทำกำไรจากการเทรด เเละในบทความนี้เราจะมาทำความเข้าใจการเทรดสกุลเงินดิจิทัลด้วย RSI ซึ่งเป็น Indicator ขวัญใจของเทรดเดอร์หลายๆ คน
รู้จักฟีเจอร์ Price Alert ตั้งเตือนราคาที่ใช่ ไม่ต้องเฝ้าจอ จบปัญหาเข้าซื้อ-ขายไม่ทันเวลา
Digital Trader
Jun 04,2021
3 min
orbix
Jan 08,2024
4 min
ใครรัก ETH อย่าพลาดรีบปักหมุดไว้เลย!
ก่อนอื่นทำความเข้าใจกับคุณสมบัติสำคัญ 3 ประการของบล็อกเชน คือ
แต่การจะทำให้เครือข่ายมีคุณสมบัติทั้ง 3 ทางพร้อมกันนั้น เป็นไปไม่ได้สถานการณ์นี้เรียกว่า ” trilemma” ดังนั้นโดยพื้นฐานเเล้วระบบบล็อกเชนสามารถบรรลุคุณสมบัติด้านบนได้เพียง 2 ใน 3 เท่านั้น หากต้องการบล็อกเชนที่ปลอดภัยและ ไร้ศูนย์กลาง (decentralized) เราจะต้องสละความสามารถในการขยายเครือข่ายเพื่อเติบโตต่อไป
โดยในปัจจุบัน Ethereum Mainnet (Layer 1) สามารถประมวลธุรกรรมได้เพียง 15 ธุรกรรมต่อวินาที เมื่อมีความต้องการใช้ Ethereum สูง เครือข่ายก็จะแออัด ซึ่งจะทำให้ค่าธรรมเนียมในการธุรกรรมสูงมากบางช่วงอาจสูงถึง 50$ per transaction !!!
ดังนั้นเป้าหมายหลักของการสร้าง Layer 2 ขึ้นมาก็เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผลธุรกรรมและลดค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม (scaling solution) โดยไม่สูญเสียความปลอดภัยและความไร้ศูนย์กลาง (decentralized) ของ Ethereum Layer 1
Ethereum Layer 2 แบ่งเป็นกี่ประเภทและมีอะไรบ้าง?
1. Plasma (ใช้ EVM และเป็น Off-chain)
Plasma chain เป็น blockchain ประเภทนึงซึ่งแยกจาก Ethereum chain โดยใช้ fraud proofs (การทำงานเหมือนกับ Optimistic rollups) Solution ของ Plasma ที่เสนอก็คือ การใช้ Markle trees ในการสร้าง chain เพิ่มเติมบน mainchain ผลลัพธ์ที่ตามมาคือ ความสะดวก ความรวดเร็วของการทำธุรกรรมในค่าใช้จ่ายที่ลดลงแต่ก็ตามมาด้วยข้อจำกัดด้านการใช้งานเช่นกัน plasma นั้นถูกกำหนดให้รองรับเฉพาะบางธุรกรรมเท่านั้น DeFi ที่มีความซับซ้อนอาจไม่สามารถทำธุรกรรมได้ แถมยังมีปัญหาเรื่องของการถอนเงินที่ต้องใช้ระยะเวลาที่นาน (ต้องใช้การ Bridge ข้าม chain ซึ่งใช้ระยะเวลา) และยังต้องมีผู้ตรวจสอบธุรกรรมอีกตัวอย่างผู้ให้บริการ เช่น OMG และ Polygon
2 Validium (ไม่ใช้ EVM และเป็น Off-chain)
Validium คือ Layer 2 ประเภทหนึ่งที่จะมี Blockchain แยกออกมาจาก Ethereum Chain หลัก (Off-chain) แต่ภายใน Validium จะไม่สามารถนำแพลตฟอร์มหรือ DApps ที่รันอยู่บน Ethereum Chain มาใช้งานภายใน Blockchain นี้ได้ (ใช้ EVM ไม่ได้) สรุปแบบง่ายๆก็คือ Validium จะไม่สามารถใช้ EVM ได้ และเป็น Off-chain นั่นเอง
จุดเด่นของ Validium คือ มันสามารถรองรับธุรกรรมได้มากถึง 10,000 ธุรกรรมต่อวินาที และการถอนเงินออกจาก Validium นั้นไม่ต้องรอนานหลายวันเหมือนกับ Plasma
▪️ โดย Layer 2 ประเภท Validium ที่ถูกใช้งานในปัจจุบัน (อิงตามเว็บไซต์ L2beat) ได้แก่ DeversiFi (DEXs), Sorare (NFT) และ Immutable X (ซึ่งเป็น Sidechain ประเภท Validium และให้บริการ NFT)
ครั้งนี้ก็รู้จักกับประเภทของ Ethereum Layer 2 ไป 2 ประเภทแล้ว แต่คุณสมบัติและจุดเด่นของเขายังมีอีกมาพบกัน EP ต่อไปได้เลยค่า
คำอธิบายเพิ่มเติม:
*Off-chain คือ Blockchain ที่ถูกแยกออกมา เพื่อเป็น Blockchain ที่ทำงานขนานไปกับ Blockchain หลัก ซึ่งในที่นี้ก็คือ Ethereum Chain โดย Off-chain เปรียบเสมือนถนนอีกเส้นที่คู่ขนานกับถนนเส้นหลัก ซึ่งถนนเส้นหลักก็คือ Ethereum Chain
*On-chain คือ Blockchain ที่ทำงานร่วมกันกับ Ethereum Chain โดย On-chain เปรียบเสมือนเป็นถนนเลนใน และ Ethereum Chain เป็นเหมือนถนนเลนนอก ซึ่งจริงๆแล้วมันก็คือถนนเส้นเดียวกันแหละ แต่การที่มันมีถนนเลนในเพิ่มเข้ามา ก็จะทำให้ถนนหลักสามารถระบายรถยนต์ออกไปวิ่งอีกเส้นได้นั่นเอง
*EVM (Ethereum Vitual Machine) เป็นเหมือนซอฟแวร์ที่ไว้สำหรับให้นักพัฒนาสร้างแพลตฟอร์ม หรือ DApps ต่างๆบน Ethereum Chain ซึ่งถ้า Blockchain Layer 2 ประเภทไหนที่สามารถนำ EVM มาใช้งานได้ นักพัฒนาหรือโปรแกรมเมอร์ก็แค่นำ code ของ DApps ที่รันอยู่บน Ethereum Chain มาใช้ต่อได้เลยใน Layer 2
อ้างอิง:
https://www.youtube.com/watch?v=BgCgauWVTs0&t=455s
https://academy.ivanontech.com/…/comparing-layer-2…
https://ethereum.org/en/developers/docs/scaling/plasma/
https://ethereum.org/…/docs/scaling/layer-2-rollups/
https://ethereum.org/en/developers/docs/scaling/sidechains/