The Merge การอัปเกรดครั้งยิ่งใหญ่ของ Ethereum!

By orbix • Publish in Market Trends / Insight • Aug 24,2022 • 2 min read

The Merge การอัปเกรดครั้งยิ่งใหญ่ของ Ethereum!

The Merge คือการรวมเลเยอร์การดำเนินการที่มีอยู่ของ Ethereum (Mainnet ที่เราใช้อยู่ในปัจจุบัน) กับ Beacon Chain เลเยอร์ที่ทำงานด้วยระบบ Proof-of-Stake

การอัปเกรดครั้งนี้จะช่วยลดการใช้พลังงานอย่างมาก โดยจะช่วยลดการใช้พลังงานได้ถึง ~99.95%

และการอัปเกรดครั้งนี้ ก็ถือได้ว่าเป็นจุดสิ้นสุดของการใช้ระบบ POW (Proof-of-Work) และจะถูกแทนที่อย่างถาวรด้วยระบบ POS (Proof-of-Stake) 

ที่มาของการเกิด The Merge ในครั้งนี้

มาจากสาเหตุของ Ethereum Chain ที่ใช้พลังงานในการขุดและตรวจสอบธุรกรรมอย่างมหาศาล หากเรามองถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น ก็จะเห็นว่าเป็นการสร้างมลภาวะและสิ้นเปลืองพลังงานเป็นอย่างมาก รวมไปถึงความคล่องตัวของการทำธุรกรรมที่ใช้เวลานาน ทำให้เป็นที่มาของการอัปเกรดนี้

————————————————————————————————————————————————————————————————

การรวมเข้ากันระหว่าง Mainnet และ Beacon Chain

Mainnet คือ Ethereum blockchain ที่เราทุกคนคุ้นเคย และเป็นระบบ Proof-of-Work ที่รวบรวมทุกสัญญาอัจฉริยะของธุรกรรมตั้งแต่บล็อกแรกในเดือนกรกฎาคมปี 2015

และตลอดประวัติศาสตร์ของ Ethereum นั้น นักพัฒนาได้ทำงานอย่างหนักเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนจาก Proof-of-work ไปเป็น Proof-of-stake

และในท้ายที่สุด เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2020 Beacon Chain ก็ถูกสร้างขึ้นมาในฐานะบล็อกเชนที่แยกจากกันกับ Mainnet แต่จะทำงานควบคู่กันไปเรื่อยๆ

โดย Beacon Chain จะเปรียบเสมือนโลกคู่ขนานที่ทำงานด้วยระบบ Proof-of-stake

ซึ่งคำว่า The Merge จะแสดงถึงการเปลี่ยนไปใช้ Beacon Chain อย่างเป็นทางการ

การขุดจะไม่ใช่วิธีการผลิตบล็อกที่ถูกต้องอีกต่อไป แต่บล็อกจะเกิดจากระบบ POS ที่จะผู้ตรวจสอบที่ได้รับเลือกเท่านั้นจะเป็นคนรับบทบาทนี้และจะรับผิดชอบในการประมวลผลความถูกต้องของธุรกรรมทั้งหมด

————————————————————————————————————————————————————————————————

ผลจากการอัปเกรด

  1. ระบบการทำงานจะถูกเปลี่ยนจาก Proof-of-Work เป็น Proof-of-Stake โดยสมบูรณ์
  2. ความสามารถในการรองรับธุรกรรมบนเครือข่ายจะเพิ่มจาก 15 เป็น 100,000 ธุรกรรม/วินาที
  3. การใช้พลังงานจะลดลงจากเดิมจาก 112 เป็น 0.01 เทราวัตต์ชั่วโมงต่อปี

ในส่วนของผู้ใช้งาน ผู้ที่ถือเหรียญหรือผู้ที่มีสินทรัพย์บนเครือข่าย Ethereum จะไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด ทุกอย่างจะเป็นเหมือนปกติ แต่การทำธุรกรรมต่างๆ ก็จะมีความรวดเร็วมากขึ้น

Next article

orbix

Content Writer