By Digital Trader • Publish in Crypto 101 • Aug 09,2021 • 3 min read
หลายคนเคยพูดไว้ว่า “บิทคอยน์ประเมินมูลค่าไม่ได้เนื่องจากไม่มีผลประกอบการ” ซึ่งก็เป็นเรื่องจริงที่ว่า บิทคอยน์นั้นไม่มีผลประกอบการเหมือนกับหุ้นที่แสดงมูลค่าออกมาในรูปแบบรายได้หรือกำไรของบริษัท แต่ก็ไม่ควรลืมคิดในมุมที่ว่าสินทรัพย์แต่ละประเภทนั้นมีลักษณะเงื่อนไขที่แตกต่างกัน ดังนั้นรูปแบบในการประเมินมูลค่าของแต่ละสินทรัพย์ก็มีความต้องแตกต่างกันไปด้วย
จากรายงานของนักวิชาการหลายท่านได้กล่าวถึงวิธีการประเมินมูลค่าบิทคอยน์ผ่านหนังสือที่ใช้ชื่อว่า Cryptoasset : The Guide to Bitcoin, Blockchain, and Cryptocurrency for Investment Professionals โดยได้แบ่งรูปแบบการประเมินมูลค่าบิทคอยน์ เอาไว้ 5 วิธี ซึ่งแต่ละวิธีนั้นมีการตีความถึงตัวบิทคอยน์ที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้
วิธีที่ 1 : Valuing Cryptoassets as a Network
เป็นวิธีการประเมินมูลค่าบิทคอยน์ในรูปแบบของการมอง User หรือผู้ใช้งานในเครือข่ายเป็นหลัก ซึ่งชี้ให้เห็นว่า มูลค่านั้นมาจากการที่มีผู้คนเข้ามาใช้งานจนเกิดเป็นเครือข่าย ยิ่งผู้ใช้งานมีจำนวนมากขึ้นมูลค่าก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นมากเท่านั้นเป็นรูปแบบของ Exponential เช่น หากมองว่าบิทคอยน์คือระบบเครือข่ายชนิดหนึ่ง วิธีนี้คือการอ้างอิงจากทฤษฎีของสายเทคโนโลยี โดยประเมินว่า มูลค่าของระบบเครือข่ายใดๆ จะเป็นสัดส่วนของจำนวนผู้ใช้ยกกำลัง แต่ความยากของวิธีนี้คือ การเติบโตของเทคโนโลยีต่างๆ ไม่ได้เติบโตแบบเส้นตรง
วิธีที่ 2 : Cost of Production Valuation
วิธีการประเมินมูลค่าบิทคอยน์ วิธีนี้เป็นมุมของเหล่านักขุด การประเมินมูลค่าบิทคอยน์รูปแบบนี้อ้างอิงมาจากสินค้าโภคภัณฑ์ เป็นการคำนวณต้นทุนเป็นหลัก ทั้งค่าใช้จ่ายเรื่องอุปกรณ์การขุด การใช้ไฟเพื่อเป็นแหล่งพลังงานในการขุด แล้วจึงนำมาเปรียบเทียบกับกำไรที่ได้รับ แต่ถึงแม้ว่าวิธีการนี้ผลลัพธ์ที่ได้จะมีความใกล้เคียงกับราคาของบิทคอยน์ในอดีต แต่ในปัจจุบันเราไม่สามารถพิสูจน์ได้อย่างแน่ชัดว่าการขาดทุนของนักขุดกับราคาที่ปรับตัวลดลงสิ่งใดคือสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนกัน
วิธีที่ 3 : Total Addressable Market
เป็นวิธีการประเมินมูลค่าบิทคอยน์ที่นำบิทคอยน์ เข้าไปเทียบเคียงกันสินทรัพย์อื่นๆ ในมุมมองที่ว่าตัวบิทคอยน์นั้นสามารถทดแทนสินทรัพย์ใดได้บ้าง รวมถึงคาดการณ์ว่าจะมีเม็ดเงินไหลเข้ามาลงทุนใน Bitcoin จำนวนเท่าไหร่ เทียบเป็นสัดส่วนต่อ Market Cap ของสินทรัพย์นั้นๆ ยกตัวอย่างเช่น บิทคอยน์ถือว่าเป็น Digital Gold จึงสามารถคำนวณสัดส่วนเงินลงทุนในทองคำ และบิทคอยน์โดยนำ Market Cap หารปริมาณบิทคอยน์ทั้งหมดที่มีก็จะได้มูลค่าต่อ 1 BTC ออกมา
วิธีที่ 4 : Stock to Flow Model
เป็นวิธีการประเมินมูลค่าบิทคอยน์ที่ใช้หลักเกณฑ์ของ Supply ที่จำกัดทำให้ความต้องการของบิทคอยน์นั่นมีมากขึ้นซึ่งหากมองย้อนไปจะเห็นว่าวิธีนี้ค่อนข้างมีความสอดคล้อง และความสัมพันธ์กับราคาของบิทคอยน์มากที่สุด ซึ่งวิธีประเมินมูลค่าบิทคอยน์วิธีนี้ยังมีข้อจำกัดในเรื่องของการนำปัจจัยอุปทานที่มีอยู่อย่างจำกัดของบิทคอยน์มาประเมินเพียงปัจจัยเดียวเท่านั้น และราคาที่ประเมินได้ย่อมสูงขึ้นตามเวลา เนื่องจากอุปทานของเหรียญที่ลดลงจากการ Halving ทุกๆ 4 ปี
วิธีที่ 5 : The Equation of Exchange (MV = PQ)
เป็นวิธีการประเมินมูลค่าบิทคอยน์ ในเรื่องของปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจเพื่อมาปรับใช้ โดยประกอบด้วยปัจจัยหลัก 4 อย่างนั่นคือ M - Total Money Supply (มูลค่าของตลาด), V - Velocity (อัตราการหมุนเวียนของบิทคอยน์), P - Price of Goods & Services (ราคาเฉลี่ยของการทำธุรกรรม) และ Q - Quantity of Goods & Services (จำนวนธุรกรรม)
วิธีการประเมินมูลค่าบิทคอยน์นั้นต้องอาศัยประสบการณ์ แต่ในท้ายที่สุดเเล้วนักลงทุนไม่รู้ว่าวิธีการประเมินมูลค่าบิทคอยน์นั้นถูกต้องจริงหรือไม่ เพราะเป็นเพียงแค่การคาดการณ์ความเป็นไปได้จากสมมติฐาน และมุมมองในด้านต่างๆ ประกอบกับข้อจำกัดเพื่อให้ได้มูลค่าบิทคอยน์เพียงเท่านั้น ดังนั้นวิธีการประเมินมูลค่าอาจไม่ใช่ตัวบ่งบอกราคาที่แท้จริงของบิทคอยน์ ทั้งนี้การประเมินมูลค่าบิทคอยน์นั้นขึ้นอยู่กับมุมมอง และความสามารถของนักลงทุนแต่ละคนแล้วว่าให้จะให้มูลค่าบิทคอยน์ในมุมมองใด และด้านใด แล้วจึงค่อยคำนวณเป็นมูลค่าบิทคอยน์ออกมาได้
Content Creator
Digital Trader ผมวิเคราะห์ตามหลักสถิติประยุกต์ หลักการของแท่งเทียน และประสบการณ์ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา
Asset Rotation กลยุทธ์การทำไรโดยไม่ต้องใช้ Technical Analysis
Asset Rotation กลยุทธ์การทำไรโดยไม่ต้องใช้ Technical Analysis ที่จะสามารถช่วยให้นักลงทุกคนเพิ่มโอกาสในการทำกำไรจากการลงทุนได้โดยที่ไม่ต้องใช้วิธีซับซ้อน ซึ่ง Asset Rotation นี้มาจากการรวมตัวกันของ Asset Allocation และ Sector Rotation นั่นเอง
Digital Trader
Aug 02,2021
3 min