Bollinger Bands เครื่องมือช่วยบอกเทรนด์

By Digital Trader • Publish in Trading Guide • Jul 23,2021 • 3 min read

Bollinger Bands เครื่องมือช่วยบอกเทรนด์

การอ่านเทรนด์นั้นจะช่วยให้เราเห็นสภาพของตลาดในช่วงระยะเวลานั้นๆ ได้เป็นอย่างดีว่าช่วงไหนเป็นช่วงที่ราคาสินทรัพย์ดิจิทัลกำลังจะขึ้น เเละมีเเนวโน้มที่จะขึ้นต่อหรือไม่ การอ่านเทรนด์จึงเป็นเรื่องสำคัญที่นักลงทุนไม่ควรจะมองข้าม เเละในบทความนี้เราจะมาพูดถึง Indicator ที่จะมาช่วยในการอ่านเทรนด์ ซึ่งนั่นก็คือ Bollinger Bands นั่นเอง โดยจะอธิบายว่า Bollinger Bands คืออะไร? Bollinger Bands คำนวณอย่างไร? เเล้วจะเทรดสกุลเงินดิจิทัลด้วย Bollinger Bands ได้อย่างไร? เพื่อให้เทรดเดอร์สามารถพลิกแพลงเทคนิคให้แปรเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ของตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Bollinger Bands คืออะไร?

Bollinger Bands เป็น Indicator ที่ได้รับความนิยมมากที่เทรดเดอร์มักจะเอาไว้ใช้ดูประกอบกับเทรนด์ซึ่ง Bollinger Bands นั้นจะเป็นการวัดความผันผวนของกราฟถูกคิดค้นโดยนาย John Bollinger Bollinger Bands ประกอบไปด้วยเส้น 3 เส้น คือ

1. Middle band(เส้นระหว่างกลาง)     

2. Upper band(เส้นบน)     

3. Lower band (เส้นล่าง)

Img

เทรดเดอร์หลายคนจะรู้จัก Bollinger Bands ว่าเป็นเครื่องมือที่ไว้ใช้วัดความผันผวนของราคา โดยกรอบ Bands จะหด เเละขยายตามความผันผวน หากความผันผวนสูงกรอบ Bands ก็จะขยายตามความผันผวนนั้นๆ ซึ่งจะช่วยให้เทรด์เดอร์วิเคราะห์ เเละมองเห็นการขึ้นลงของเเท่งเทียนได้ง่ายขึ้น

วิธีการใช้งาน Bollinger Bands

1. ใช้ Bollinger Bands เป็นแนวรับ และแนวต้าน Bollinger Bands เส้นบนหรือเส้น Upper band ทำหน้าที่เป็นแนวต้านย่อยของเทรนด์ที่เกิดขึ้น เมื่อเเท่งเทียนขึ้นไปเเตะเส้น Upper band เเสดงว่าในเวลานั้นเกิดสภาวะการซื้อมากเกินไปหรือ Overbought สะท้อนถึงการที่ราคามีอุปสงค์มากกว่าอุปทาน ซึ่งทำให้เกิดความไม่สมดุลของราคาขึ้น  และราคามีโอกาสที่จะปรับตัวลดลงมาเพื่อให้เกิดความสมดุลของราคา จึงสามารถใช้เส้น Upper band ดูเเนวต้านกับสภาวะ Overbought ได้ โดยให้ทำการขายทรัพย์สินในช่วงที่ราคาขึ้นไปเเตะเส้น Upper band นั่นเอง

ในส่วนของเส้น Lower band ทำหน้าที่เป็นแนวรับย่อยๆ ของเทรนด์เมื่อเเท่งเทียนลงมาเเตะเส้นล่างหรือเส้น Lower band เเสดงว่าในเวลานั้นเกิดสภาวะการขายมากเกินไปหรือ Oversold สะท้อนถึงการที่ราคามีอุปทานมากกว่าอุปสงค์ ซึ่งทำให้เกิดความไม่สมดุลของราคาขึ้น และราคามีโอกาสที่จะปรับตัวสูงขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน เพื่อให้เกิดความสมดุลของราคา จึงสามารถใช้เส้น Lower band ดูเเนวรับกับสภาวะ Oversold ได้ โดยให้ทำการเข้าซื้อได้ในช่วงที่ราคาลงมาเเตะเส้น Lower band

Img

2. ใช้ Bollinger Bands ดูเทรนด์ 

Bollinger Bands นั้นสามารถนำมาใช้เพื่อหาแนวโน้มของราคาได้โดยที่ใช้เส้นระหว่างกลาง หรือเส้น Middle Band เป็นตัวเเบ่ง

  • ใช้ Bollinger Bands ดูเทรนด์ขาขึ้น หากกราฟเเท่งเทียนเคลื่อนไหวอยู่บริเวณเส้นขอบบนระหว่าง Middle band เเละ Upper band เเสดงว่าแนวโน้มที่เกิดขึ้นในขณะนั้นเป็น “เทรนด์ขาขึ้น” 

  • ใช้ Bollinger Bands ดู Sideway หากราคาเกิดการเคลื่อนตัวอยู่บริเวณ Middle band ไม่เคลื่อนที่ไปใกล้บริเวณ Upper band หรือ Lower band เเสดงว่าแนวโน้มที่เกิดขึ้นในขณะนั้นเป็นการเคลื่อนตัวออกข้าง หรือการ Sideway นั่นเอง

  • ใช้ Bollinger Bands ดูเทรนด์ขาลง หากกราฟเเท่งเทียนเคลื่อนไหวอยู่บริเวณเส้นขอบล่างระหว่าง Middle band เเละ Lower band เเสดงว่าแนวโน้มที่เกิดขึ้นในขณะนั้นเป็น “เทรนด์ขาลง”

Bollinger Bands นั้นเป็น Indicator ที่จะมาช่วยในการอ่านเทรนด์ที่จะทำให้เรารู้ว่าในช่วงนั้นสินทรัพย์ดิจิทัลอยู่ในเทรนด์ใด โดยที่ใช้เส้น Middle band เป็นตัวเเบ่ง เเละสามารถใช้ Bollinger Bands เป็นเเนวรับ และเเนวต้านเพื่อหาจุดเข้าซื้อเข้าขายที่ดีให้กับเหล่าเทรดเดอร์ เท่านี้ก็สามารถเทรดสกุลเงินดิจิทัลด้วย Bollinger Bands ได้เเล้ว

Digital Trader

Content Creator

Digital Trader ผมวิเคราะห์ตามหลักสถิติประยุกต์ หลักการของแท่งเทียน และประสบการณ์ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา

Relate Post

Bull Trap คืออะไร ?
Crypto 101

Bull Trap คืออะไร ?

ในตลาด Cryptocurrency ความผันผวนของราคานั้นถือเป็นเรื่องปกติ และนักลงทุนที่อยู่ในตลาดมาเป็นเวลานานจะรับมือกับการเคลื่อนไหวของราคาได้ค่อนข้างดี แต่ในหลายครั้งมักจะเกิดเหตุการณ์ที่เรียกกันว่า Bull Trap ที่จะทำให้นักลงทุนทั้งมือใหม่ และมือเก่าหลงกลกับดักในรูปแบบนี้ได้ จนเป็นสาเหตุของการขาดทุนหรือล้างพอร์ตในที่สุด

Digital Trader

Jul 18,2021

3 min