By Digital Trader • Publish in Crypto 101 • Mar 08,2021 • 3 min read
Next article
Content Creator
Digital Trader ผมวิเคราะห์ตามหลักสถิติประยุกต์ หลักการของแท่งเทียน และประสบการณ์ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา
ก่อนที่เราจะเข้าใจว่า Bitcoin Halving คืออะไร เราต้องเข้าใจก่อนว่า Bitcoin นั้นมีจำนวนจำกัดอยู่ที่ 21 ล้าน Bitcoin เท่านั้น และไม่สามารถทำการเพิ่มขึ้นได้เนื่องจากโครงสร้างของตัวสกุลเงินดิจิทัลอย่าง Bitcoin ทั้งหมดถูกเข้ารหัสไว้อย่างจำกัดเพียง 21 ล้าน Bitcoin เท่านั้น
ซึ่งการที่จะได้ Bitcoin มาครอบครองนั้นจะต้องผ่านกระบวนการที่เรียกว่าการขุด (Mining) โดยนักขุด Bitcoin ที่ค้นพบบล็อกใหม่สำเร็จเป็นคนแรกก็จะได้ Reward (รางวัล) เป็น Bitcoin นั่นเอง
ด้วยระบบของ Reward ที่ได้จากการขุด Bitcoin นั้นได้ถูกตั้งไว้ว่าเมื่อมีการค้นพบบล็อกใหม่ครบ 210,000 บล็อกเมื่อไหร่ ระบบจะทำการลด Reward ที่ได้ลงครึ่งนึง กระบวนการนี้จะเรียกว่า Bitcoin Halving
โดยทั่วไปนักขุดทั้งหลายจะทำการสร้างบล็อกใหม่ได้ในทุกๆ 10 นาที ( 2.1 ล้านนาที ต่อ 210,000 บล็อก ) นั่นหมายความว่าในเวลาทุกๆ 4 ปี จะเกิด Bitcoin Halving ขึ้น 1 ครั้ง
ปัจจุบัน Bitcoin Having ผ่านมาแล้ว 3 ครั้ง ภายหลังจากการเกิดขึ้นของ Bitcoin ในปี 2009 ซึ่ง ณ เวลานั้น Reward ของการขุด Bitcoin จะอยู่ที่ 50 BTC ต่อบล็อก แต่ในช่วงเวลานั้นมูลค่าของ Bitcoin นั้นยังมีมูลค่าไม่มากรวมถึงการขุดก็ยังสามารถทำได้อย่างง่าย
หลังจาก Bitcoin Halving ครั้งแรกในปี 2012 ทำให้ Reward ลดลงเหลือ 25 BTC ต่อบล็อก ต่อมาได้เกิด Bitcoin Halving อีกหนึ่งครั้งในปี 2016 และล่าสุดปี 2020 ที่ผ่านมา
ทำให้ปัจจุบัน Reward ของการขุดจาก Bitcoin Halving ลดลงเหลือ 6.25 BTC ต่อบล็อกเท่านั้น!!!! นั้นหมายความว่า Supply ของ BTC จะค่อยๆ ลดลงไปเรื่อยๆ ในขณะที่ Demand นั้นเพิ่มขึ้นส่งผลให้ราคา Bitcoin ณ ช่วงเวลาต้นปี 2021 นั้นพุ่งทะลุเหรียญละ 1 ล้านบาทเป็นครั้งแรก
1. ผลกระทบต่อราคา Bitcoin
Reward จากการขุด Bitcoin ที่ลดลงจะส่งผลถึงราคาของ Bitcoin ในระยะยาว พูดง่ายๆ ก็คือในมุมของ Demand และ Supply ของตลาด หาก Bitcoin เกิดใหม่น้อยลงราคาของ Bitcoin ก็มักจะเพิ่มสูงขึ้นด้วยโดยพฤติกรรมของราคาลักษณะนี้มักทำ All Time High ได้ภายหลังจากการเกิด Bitcoin Halving
2. ผลกระทบต่อนักขุด Bitcoin
Bitcoin Halving ส่งผลให้จำนวน Reward ที่ได้รับจากการขุดลดลง และส่งผลให้ราคาของ Bitcoin สูงขึ้น สร้างความน่าสนใจให้นักขุดทั้งหน้าใหม่ และเก่าเข้ามาขุดกันเป็นจำนวนมาก
ทำให้ Hash Rate หรือกำลังในการขุดเพิ่มสูงขึ้น และด้วยตัวระบบของ Bitcoin เองก็จะปรับค่า Difficulty Rate หรือค่าความยาก ในการขุดให้สูงขึ้นด้วยเพื่อไม่ให้บล็อกใหม่เกิดขึ้นเร็วเกินไป(เฉลี่ยให้อยู่ที่ 10 นาที)
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่านักขุดทุกคนจะได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ เนื่องจากจะต้องคำนวนต้นทุนค่าไฟ ค่าอุปกรณ์ ส่งผลให้มักขาย Bitcoin ที่ได้มาทันทีเพื่อชดเชยกับต้นทุนที่เสียไป (ไม่ได้เก็บไว้เก็งกำไร) และเมื่อ Bitcoin Halving เกิดขึ้นอีก Reward ที่ได้รับก็จะลดลงอีกครึ่งนึง ทำให้เป็นเหตุผลที่อาจจะไม่คุ้มกับการขุด Bitcoin
เนื่องจาก Bitcoin ถูกกำหนดมาให้มีเพียง 21 ล้านเหรียญเท่านั้น ซึ่งกระบวการของ Bitcoin Halving ถูกออกแบบมาให้ควบคุมอัตราการเฟ้อของตัว Bitcoin ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต
โดยกระบวนการ Bitcoin Halving นี้อาจเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งเหตุผลที่การลงทุนใน Bitcoin นั้นเป็นที่น่าจับตาของยุคนี้ และในอนาคต